เครื่องตรวจการได้ยินระดับก้านสมองและสมอง Eclipse เป็นเครื่องเดียวที่เติมเต็มในความต้องการของท่าน เครื่องสามารถใส่ platform ของ Eclipse AEP และ OAE ได้
เครื่อง Eclipse ได้สร้างตามคำขอร้องของผู้เชี่ยวชาญและคนไข้ที่ใช้เครื่องอยู่ทั่วโลก เทคโนโลยี่ล่าสุดเป็นเทคโนโลยี่ที่รวมการตรวจ AEP และ OAE อย่างสมบูรณ์แบบลงในเครื่อง ซึ่งรองรับการทำงานในปัจจุบันและการทำงานในอนาคต
Hardware ของเครื่องทำงานผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ผลการตรวจทั้งหมดจะนำไปรวมในฐานข้อมูลเดียว และสามารถพิมพ์ผลหรือใช้ EMR format ได้
ท่านสามารถเลือกระบบโปรแกรม โดยสามารถเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลง Module จะมีการเชื่อมต่อไม่ยุ่งยาก
โปรแกรมการทำงานของเครื่องมีหลากหลาย พร้อม pre-loaded test sequences ในท่านตรวจโดยไม่เสียเวลา ท่านสามารถเลือกตรวจตาม protocol สามารถปรับแต่งหรือเพิ่มเติมการตรวจตามที่ต้องการ
โปรแกรมเครื่องมีความยืดหยุ่นสูง การตรวจไม่มีการจำกัดจำนวนในการเลือกตัวแปรในการตรวจ และให้ท่านสามารออกแบบและแสดงการตรวจได้ตามความต้องการ แม้ว่าในระหว่างการตรวจ ตัวแปรก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายโดยไม่ต้องออกจากโปรแกรมและปิดเปิดเครื่องใหม่
โปรแกรมมีการ label คลื่นให้อัตโนมัติ ทำให้ง่ายในการอ่านและแปรผลที่หน้าจอและรายงานผลที่พิมพ์ออกมา ง่ายต่อการเปรียบเทียบเรียกผลการตรวจเก่าออกมาดู รายงานผลจะพิมพ์ในรูป PDF หรือส่งออกในรูป XML format
ระบบการลดเสียงรบกวนในการตรวจมีความสำคัญในการที่จะได้ผลกาตรวจที่มีคุณภาพ ภาคขยายของเครื่อง Eclipse ใช้เทคโนโลยี่ใหม่สามารถลดเสียงรบกวนลงถึง 50% ซึ่งจะมีประโยชน์เมื่อมีการตรวจในที่ระบบไฟมีเสียงรบกวนมากกว่าปกติ
เครื่อง Eclipse จะมี transformer สำหรับที่ใช้ในทางการแพทย์ติดตั้งแบบ Built-in เพื่อให้ได้ตามคุณลักษณะความปลอดภัยของกระแสไฟฟ้า
เครื่อง Eclipse มี 2 รุ่นให้เลือกคือ EP 15 และ EP 25 ซึ่ง EP 25 จะมีการออกแบบกาตรวจได้ครอบคลุมการวินิจฉัยได้มากกว่า EP 15 เครือง EP 25 มีการตรวจแบบ Clinical ทำการตรวจได้ทั้งหมด พร้อมมี protocol ในการตั้งไว้ในเครื่อง ง่ายต่อการใช้งาน สามารถทำการตรวจโดยอัตโนมัติ พร้อมทำงานเครื่องมือที่มากมายที่เป็นประโยชน์ในการตรวจ เช่น ความถูกต้องการของคลื่น (Waveform reproducibility) การแยกคลื่น ( A&B waveform split) การคำนวณเสียงรบกวน (residual noise calculators) ตัวบ่งชี้คุณภาพของคลื่น (Waveform quality indicators) การกรองให้คลื่นเรียบแบบดิจิตอล (Digital display filter)
จากการศึกษาทางวิทยาศาตร์พบว่าเมื่อมีการลดความสูงของคลื่นสมองลงจากการใช้เสียง CE-Chirp ระยะเวลาในการตรวจจะลดลงไปด้วย
Fmp เป็นการคำนวณทางคณิตศาสตร์โดยใช้จุดหลายตำแหน่งของการบันทึกคลื่นสมอง เพื่อดูคุณภาพของผลการตรวจ ภาพที่มองเห็นในระหว่างการตรวจให้ผู้ใช่งานทราบค่าทางสถิติว่าเมื่อไรการตรวจจะสิ้นสุดลง การตรวจจะทำได้รวดเร็วและลดความเครียดของผู้ป่วยลง
ค่า Residual Noise ที่มาพร้อมกับ Fmp จะแสดงถึงระดับเสียงรบกวนที่ยอมรับได้ ที่ให้เครื่องทำการหยุดตรวจ เพื่อให้ผู้ใช้งานมีความเชื่อมั่นว่าผลการตรวจไม่ถูกกระทบโดยเสียงรบกวน
เป็นแนวคิดใหม่พัฒนาโดย Claus Elberling เป็นการตรวจโดยใช้สัญญาณ CE-Chirp ที่ให้ความสูงในการตอบสนองของคลื่นสมองเป็น 2 เท่าของการตรวจโดยใช้เสียงคลิก ซึ่งจะมีประโยชน์ในการพิจารณา ABR threshold
เสียงคลิก จะไปรบกวนการการเดินทางของเสียงใน cochlear ซึ่งจะทำให้สัญญาณกระจายและเพี้ยนไป เนื่องจากเสียงคลิกมีคลื่นความถี่กว้าง ทำให้ระยะเวลาของเสียงในการเดินทางถึง basilar membrane ไม่เท่ากัน มีผลให้เกิดการตอบสนองของประสาทการได้ยินในช่วงเวลาที่ต่างกันออกไป ซึ่งจะลดประสิทธิภาพกำลังของการตอบสนองของกรแสประสาทลง
CE-Chirp จะมีการออกแบบวิธีการกระตุ้นประสาทการได้ยินให้มีการทำงานพร้อมกันโดยการทดแทนระยะเวลาในการเดินทางของคลื่นเสียงที่เดินทางไปที่ cochlear ในแตละความถี่ เวลานี่จะมีความสัมพันธ์ของความถี่สูงและความถี่ต่ำ ทำให้การตอบสนองของใยประสาทมีความสูงเป็น 2 เท่า มองเห็นและวิเคราะห์คลื่นง่าย แต่หลักการทำงานอื่นๆ จะไม่ต่างจากเสียงคลิก
แนวความคิดทางด้านวิศวะกรรมเดียวกัน นำมาประยุกต์ใช้กับการตรวจโดยใช้เสียงในช่วงความถี่แคบในช่วงความถี่ 500 Hz, 1KHz, 2KHz และ 4KHz
Bayesian Weighting เป็นการคำนวณค่าทางคณิตศาสตร์เปรียบเทียบเสียงรบกวนที่เกิดในการตรวจของคลื่นแต่ละเส้นกราฟในระหว่างการตรวจจะช่วยให้การตอบสนองมีนัย สำคัญสูงและเสียงรบกวนน้อย ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่มีค่า EEG/EMG ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จะช่วยทำเสียงรบกวนต่ำในค่าเฉลี่ยสุดท้ายและผลการตรวจคงที่ไม่เปลี่ยน แปลงผลการตรวจที่ผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหวในขณะตรวจ
แม้ว่าในผู้ป่วยบางคนมีการให้ยานอนหลับ Bayesian weighting จะยังมีประโยชน์ เพราะทำให้ลดข้อสงสัยในการผลการตรวจลง
วิธีการวิเคราะห์แบบใหม่ของค่า SP/AP area ratio ที่พัฒนาโดย Al-momani และ Ferraro เพื่อปรับปรุงความไวของการตรวจ Electrochleography
โปรแกรมการตรวจ ASSR เป็นการตรวจ Auditory Steady state testing เป็นการตรวจได้รวดเร็วและเที่ยงตรง
สามารถตรวจการระดับการได้ยิน 8 ความถี่พร้อมกัน (ตรวจ 4 ความถี่ 2 หู) .ใช้เวลาในการตรวจน้อยกว่า 20-30 นาที ซึ่งการตรวจนี้เป็นแนวความคิดในการประเมินหาระดับการได้ยินในเด็กแรกเกิด เด็กล็ก และคนไข้อื่นๆที่ไม่สามารถตรวจการได่ยินโดยอาศัยความร่วมมือในการตรวจได้
การใช้เสียง NB CE-Chirp และแบบ full spectrum detection ที่เป็นสิทธบัตรเฉพาะ Interacoustics ASSR ทำให้ง่ายในการตรวจ ASSR มากกว่าการตรวจ ASSR แบบเก่า ให้ทั้งความถูกต้องและรวดเร็ว
ระดับความดังและระยะเวลาในการตรวจการหยุดตรวจสามารถปรับได้โดยอิสระในแต่ 8 ช่องของเสียงกระตุ้น (2 หู x 4 ความถี่) ซึ่งช่วยให้การตรวจสั้นลงโดยการเลือกเสียงกระตุ้นในระดับความดังที่เหมาะสมตามการตรวจปัจจุบันและผลการตรวจครั้งเก่า และมีความเป็นไปได้ในการตรวจปรับเปลี่ยนการตรวจระหว่างอัตราความเร็วของเสียงกระตุ้นที่ 40 Hz และ 90 Hz ขณะทำการตรวจ
Interacoustics ASSR ใช้เสียงกระตุ้นแบบ Narrowband CE-Chirp ที่พัฒนาโดย Claus Elberling ที่ทำให้ Hair Cell ที่ต้องการตรวจเกิดการกระตุ้นพร้อมกันสูงสุด ซึ่งแสดงถึงความแรง ความสูงของ Evoked potential ที่ทำให้ตรวจพบง่ายและใกล้กับระดับการได้ยินเฉพาะ
เพื่อให้มีการได้ผลการตอบสนองสูงสุด Interacoustics ASSR มีการประเมินแบบ phase coherence และความสูงของการตอบสนองจาก ฮาโมนิกที่สูงที่สุด 12 ตำแหน่ง ซึ่งคุณลักษณะนี้เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ และลดเวลาในการตรวจลง 50% เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจ ASSR โยวิธีทั่วไป ที่ไม่ใช้วิธีหาการตอบสนองจากการใช้ Harmonic ที่สูง
ด้วยเครื่องตรวจใส่และวิ้คราะห์เครื่องช่วยฟังของ Intercoustic สามารถ import ผลการตรวจ ASSR ไปยังเครื่องคำนวณเปลี่ยนตาม DSL v5 โดยการประเมินผลการตรวจ ASSR audiogram การส่งผลการตรวจไปยังเครื่องตรวจใส่และวิเคราะห์เครื่องช่วยฟังนี้ได้รับความร่วมมือจาก กลุ่มของ Richard Seewald’s DSL มหาวิทยาลัย Western Ontario, Canada เพื่อให้ท่านมั่นใจว่ามีการป้องกันปัจจัยทั้งหลายที่จะทำให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
ด้วยประสิทธิภาพของ Bayesian Weighted ที่ช่วยลดเสียงรบกวนที่เกิดในผู้ป่วยลงทำให้ผลการตรวจมีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดเวลาในการตรวจลงและการที่ต้องหยุดตรวจใหม่ในระหว่างการตรวจ
VEMP เป็นการตรวจโดยการวิเคราะห์การทำให้เกิดการตอบสนองของ myogenic potential ที่เกิดจากการใช้เสียงดังกระตุ้นในหูข้างเดียวกันในขณะที่ผู้ป่วยนั่งในตำแหน่งที่เกร็งให้กล้ามเนื้อใน sternoceidomastoid สูงสุด อัตราส่วนของ VAEM (ความแตกต่างระหว่าง 2 หู) จะมีการคำนวณโดยอัตโนมัติ VEMP จะนำมาใช้ในการตรวจการทำงานของ saccular function และ integritity of the inferior vestibular nerve
การควบคุมการเกร็งของกล้ามเนื้อ EMG มีความสำคัญมากในผลการตรวจ VEMP ดังนั้นผลการแสดงผลการเกร็งของกล้ามเนื้อของผู้ป่วยแยกจอออกมาโดยเฉพาะจะช่วยให้ผู้ป่วยเกร็งคอได้ถูกต้องในระหว่างการตรวจ
ในการประเมินผลการตรวจ VEMP ผู้ใช้งานสามารถปรับสเกลในแต่ด้านซ้ายและด้านขวาแยกกันได้โดยอัตโนมัติเพื่อสามารถชดเชยความแตกต่างของด้านซ้าย/ขวาในระหว่างการตรวจ
เครื่องสามารถให้สัญญาณเสียงในการตรวจสูงถึง 100 dBHL (โดยเสียงคลิก และ 500 Hz และ 1KHz โดยเสียง tone burst) สามารถปรับระดับความดังของเสียงกระตุ้นครั้งละ 1 dB เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกระดับกระตุ้นได้เหมาะสมสูงสุด
เมื่อมีการกำหนดคลื่น 2 ตำแหน่ง โปรแกรมก็จะทำการคำนวณ VEMP ratio ให้โดยใช้ (AmplitudeLEFT – Amplitude RIGHT)/(AmplitudeLEFT + AmplitudeRIGHT)
เป็นการตรวจคัดกรองการได้ยินระดับก้านสมองในเด็กแรกเกิด ซึ่งผลการตรวจจะแปลผลอย่างง่ายๆ เป็น pass/refer ซึ่งผู้ใช้งานอาจไม่ต้องฝึกหัดมาก และเป็นการตรวจแบบ objective และอัตโนมัติ สำหรับผู้ที่มีผลการได้ยินปกติ จะใช้เวลาในการตรวจน้อยกว่า 1 นาที
เพื่อป้องความผิดพลาดจากผู้ตรวจ ผลการตรวจจะแสดงเป็นทั้งสีและตัวหนังสือ ผลการ Refer จะแสดงเป็นสีแดง และผลการตรวจ Pass จะแสดงเป็นสีเขียว
หลังจากทำการติด electrode และตรวจสอบความต้านทานด้วยการดูไฟที่ pre-amplifier ผู้ใช้งานก็เพียงแต่คลิก START เพื่อทำการเริ่มตรวจ
ABRIS มีค่า specific สูงถึง 99.7% และมีการนิยมนำมาใช้ตรวจสำหรับเป็นลำดับที่สองเมื่อมีผลการตรวจ OAE ไม่ผ่าน (ค่า specific ได้มาจากการตรวจจากเด็กทารกที่มีการได้ยินปกติ)
ABRIS มี sensitivity 99.9% ซึ่งได้จากการตรวจเด็กจำนวนมากที่มีปัญหาการได้ยิน
EEG จะมีการเฝ้าสังเกต และรายงานกลับให้ผู้ตรวจ จะไม่มีการวัดขณะที่อยู่ในช่วง noisy
การตรวจการสะท้อนกลับของเซลล์ขนในหูชั้นในใช้ในการตรวจคัดกรองการได้ยินในเด็กแรกเกิด และการตรวจวินอจฉัย เช่น auditory neuropathy และการเฝ้าระวัง เช่น Ototoxicity เครื่อง Eclipse จะมีการแยกวิเคราะห์การตรวจแบบ Distortion product emission (DPOAE) และ Transient evoked emission ( TEOAE)
ใช้ probe เดียวสามารถตรวจได้ทั้ง DPOAE และ TEOAE น้ำหนักเบา มีเสียงรบกวนต่ำ และขนาดเล็กมากพอที่จะใส่ในหูเด็กแรกเกิด สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
ผู้ใช้งานสามารถควบคุมความไวในการตรวจได้ โดยวิธีการง่ายๆ เครืองมีแถบสีแดงและสีเขียว แสดงถึงเสียงรบกวน ผู้ใช้งานสามารถสไลด์แถบเพื่อปรับความไวในการตรวจเหมาะสม
มีการตรวจสอบการทำงานของ probe อัตโนมัติเมื่อใส่ในช่องหู ก่อนทำการตรวจ
ในระหว่างการตรวจ มีการตรวจสอบค่าการตอบสนองในแต่ละความดังที่ตรวจพบการตอบสนอง
DPOAE20 สามารถให้การตรวจ DP gram ซึ่งทำให้ทราบผลของ input/out test มี test protocol มาสำเร็จพร้อมกับเครื่อง แต่ผู้ใช้งานสามารถสร้าง protocol ได้เอง
DPOAE20 มีค่ามาตรฐาน และ help features like และผู้ใช้งานควบคุมการทำงานในการตั้งระยะเวลาในการตรวจล่วงหน้า เพื่อความสะดวกในการใช้ในประจำ
TEOAE25 ใช้การตรวจแบบ linear และ non linear ในเสียงคลิกช่วงความถี่กว้างกระตุ้นให้เกิดการสะท้อนกลับของเซลล์ขนในหูชั้นใน สามารถใช้การตรวจแบบวินิจฉัยได้
TEOAE สามารถใช้การตรวจคัดกรองการได้ยิน ซึ่งสามารถโปรแกรมผลการตรวจ pass/refer โดยมี default มาให้จากโรงงาน