Livio 2400
Livio 2000 ( Advanced Level ) เป็นเครื่องช่วยฟังระบบดิจิตอลแบบไร้สาย ผลิตโดยบริษัท Starkey ประเทศสหรัฐอเมริกา
คุณสมบัติที่สำคัญ
Thrive Platform
ใช้วงจรประมวลผลสัญญาณเสียงระบบดิจิตอลไร้สายรุ่นไทรฟว์ (Thrive) ซึ่งพัฒนามาจากวงจร Synergy ในรุ่นก่อนหน้า มีระบบการทำงานแบบ multi-core twin compressor และใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุระบบคู่ ประกอบด้วยคลื่นวิทยุความถี่ 2.4 GHz และคลื่นวิทยุ NFMI (dual radio technology) ร่วมกับเซ็นเซอร์อัจฉริยะและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์* (Artificial Intelligence หรือ AI) ในรุ่น Livio AI เพื่อให้ได้คุณภาพของเสียงและการเชื่อมต่อไร้สายที่มีประสิทธิภาพที่สุด แม้ในสิ่งแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก
Thrive Hearing Control app
สามารถใช้แอพพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ สำหรับใช้ปรับและควบคุมเครื่องช่วยฟังรุ่น Livio โดยเฉพาะ สำหรับเครื่องช่วยฟังรุ่น Livio AI จะมีการวัดคะแนนที่เป็นค่าบ่งชี้สุขภาพโดยรวมของท่าน มีการรวมคะแนนของการเคลื่อนไหวของร่างกายและการทำงานของสมองเข้าด้วยกัน (Thrive Wellness Score) และในอนาคตจะมีฟังก์ชันตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ*
Self Check
มีฟังก์ชันตรวจสอบการทำงานของเครื่องช่วยฟังอัตโนมัติแบบพื้นฐาน เช่น กรณีที่เครื่องช่วยฟังไม่มีเสียง หรือมีชิ้นส่วนใดชำรุด ( ไมโครโฟน / ตัวแปลงสัญญาณเสียง / วงจรไฟฟ้า / เซ็นเซอร์ ) โดยผู้ใช้สามารถทดสอบได้ด้วยตนเองในแอพพลิเคชัน
Telehealth Service: Hearing Care Anywhere
มีบริการติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินทางไกล ผู้ใช้สามารถส่งคำขอให้ผู้เชี่ยวชาญฯปรับเครื่องช่วยฟังผ่านทางแอพพลิเคชันได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาพบที่คลินิก
Channels/Bands
ความละเอียดของสัญญาณเสียงและการปรับความถี่เสียงแบบ Fine Tuning ได้ 24 Channels 24 Bands
Bandwidth
ขยายเสียงความถี่สูงได้สูงสุดถึง 10 กิโลเฮิรตซ์
Hearing Reality: การได้ยินเสมือนจริง
Speech Optimization สตาร์กี้ได้พัฒนาระบบขยายเสียงแบบ multi-section compression เพื่อช่วยให้คนไข้ได้ยินเสียงพูดได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนมาก และฟังสบายหูมากขึ้น
Music Optimization ระบบขยายเสียงดนตรีหรือเสียงเพลงที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรับสัญญาณเสียงเข้าที่หลากหลาย และตอบสนองต่อความถี่เสียงที่กว้างขึ้น ผู้เชี่ยวชาญยังสามารถปรับแต่งเสียงได้ในซอฟต์แวร์ Inspire X เพื่อให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนได้
Ear-to-Ear Technology เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลสัญญาณเสียงระหว่างเครื่องช่วยฟังทั้งสองข้างให้มีความสมดุลกัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดเสียงรบกวนทั้งสองข้าง การรับส่งสัญญาณเสียงที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม และการับเสียงของไมโครโฟนทั้งสองข้าง
Environment Manager (Acuity Lifescape Analyyzer) เป็นระบบค้นหา วิเคราะห์ และจัดการเสียงต่างๆที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในสิ่งแวดล้อมที่เสียงดังรบกวนมาก ประกอบไปด้วย ระบบจัดการเสียงอัตโนมัติ 7 ประเภท ได้แก่ เสียงดนตรี (music), เสียงพูด (speech), เสียงพูดในที่ เสียงรบกวน (speech in noise), เสียงรบกวนประเภทเครื่องจักร (machine noise), เสียงลม (wind),เสียงรบกวนทั่วไป (noise) และเสียงรบกวนในที่เงียบ (quiet) โดยระบบสามารถจัดการกับเสียงรบกวนในสิ่งแวดล้อมหลายประเภทพร้อมกัน
Sound Manager
มีระบบจัดการคุณภาพเสียง Sound Manager สำหรับการฟังเสียงพูดในที่เสียงรบกวน (Speech in Noise) และ การฟังในที่เงียบ (Quiet)
Directional Processing
มีระบบไมโครโฟนรับเสียง Directionality ชนิดปรับการทำงานอัตโนมัติพร้อมกันในหลายช่องสัญญาณเสียง (multichannel adaptive directionality) และประมวลผลสัญญาณเสียงได้อย่างอิสระพร้อมกันใน 24 Channels
การประมวลผลสัญญาณเสียงของไมโครโฟนรับเสียงชนิด Directional ที่มีไมโครโฟน 2 ตัว สามารถปรับโหมดได้เองอัตโนมัติตามสิ่งแวดล้อมของเสียง ได้แก่ Adaptive / Dynamic / Directional / Omnidirectional
Spatial Speech Enhancement
มีระบบช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงพูด โดยมีการประมวลผลสัญญาณเสียงที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม 167 ครั้งต่อวินาที เพื่อแยกแยะและวิเคราะห์ชนิดและความดังของเสียงต่างๆ จากนั้นระบบจะเน้นขยายเฉพาะสัญญาณเสียงพูดที่ปรากฏ และลดเสียงรบกวนลง
Transient Noise Reduction
ปรับลดเสียงรบกวนที่เป็นเสียงกระแทกให้อยู่ในระดับที่ไม่ดังจนเกินไป
Feedback Management
มีระบบตัดเสียงหวีดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของบริษัทสตาร์กี้ สามารถจัดการกับเสียงหวีดได้ทุกรูปแบบให้เหมาะสมกับวิถีการฟังของแต่ละบุคคล เนื่องจากได้รับการออกแบบมาให้สามารถชี้เฉพาะ แยกประเภท และกำจัดเสียงหวีดรบกวนที่เกิดขึ้นในทุกสถานการณ์ เกิดขึ้น แยกเสียงหวีดออก และกำจัดเสียงหึ่งและเสียงหวีดรบกวนนั้นออกไป
Frequency Lowering
มีระบบช่วยเพิ่มความสามารถในการได้ยินตามเวลาที่เสียงเกิดขึ้นจริง (Real-time Audibility) โดยการค้นหาสัญญาณเสียงพูดความถี่สูง ( high frequency speech cues ) แล้วสร้างขึ้นใหม่ในช่วงความถี่ที่ต่ำกว่า ช่วยให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีและเพิ่มความชัดเจนของเสียงพูดที่ความถี่สูง
CROS System
มีตัวเลือกที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่สูญเสียการได้ยินข้างเดียว (unilateral hearing loss) เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการได้ยินและการฟังเข้าใจคำพูด
Multiflex Tinnitus Technology
เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเสียงดังในหู โดยมีการออกแบบให้มีความยืดหยุ่น สามารถปรับได้ตามความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล
Surface NanoShield
มีระบบป้องกันความชื้นที่ทำด้วยวัสดุเคลือบผิวแบบนาโน เคลือบที่เคสของเครื่องช่วยฟัง ชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องช่วยฟัง และตัวป้องกันขี้หู Hear Clear เพื่อช่วยป้องกันความชื้น ขี้หู และคราบน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เครื่องช่วยฟังมีความทนทาน ลดปัญหาการส่งเครื่องช่วยฟังซ่อมบ่อย
Starkey Hearing Technologies Accessories
มีเทคโนโลยีระบบไร้สาย 2.4 GHz + NFMI Technology ในการเชื่อมต่อเครื่องช่วยฟังกับอุปกรณ์เสริมระบบ ไร้สาย Starkey Hearing Technologies Accessories ได้แก่ TV Adapter, Remote Microphone+, Mini Remote Microphone และ Remote
Rechargeable Option
สำหรับเครื่องช่วยฟังรุ่น Livio และ Livio AI แบบทัดหลังหูที่มีภาคแปลงสัญญาณเสียงอยู่ในช่องหู ขนาดมาตรฐาน (RIC R) จะมีรุ่นที่สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ เพียงวางเครื่องช่วยฟังไว้ในแท่นชาร์จและเสียบปลั๊กชาร์จ จะมีไฟ LED บอกสถานะของการชาร์จ โดยแท่นชาร์จจะมี 2 แบบให้เลือก ได้แก่ All-in-one Charger และ Mini Turbo Charger ซึ่งชาร์จได้เร็วกว่ามาก ใช้เวลาชาร์จเพียง 7 นาที
มีหลายรูปแบบให้เลือก ได้แก่ 1) แบบทัดหลังหู (BTE) 2) แบบทัดหลังหูที่มีภาคแปลงสัญญาณเสียงอยู่ในช่องหู ขนาดมาตรฐาน (RIC) และขนาดเล็ก ( micro RIC ) และ 3) แบบทัดหลังหูที่มีภาคแปลงสัญญาณเสียงอยู่ในช่องหูแบบชาร์จไฟฟ้าได้ (RIC R)